Biography
ชื่อ – นามสกุล: เอไลจาห์ ฟลอเรนติน เลอรอย [Eliyah Florentin Leroy]
*มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะรู้ชื่อต้นของเอไลจาห์ นอกเหนือจากนั้นจะรู้เพียงแต่ชื่อสกุลเลอรอย*
*หากปลอมตัวจะใช้ชื่ออัล/เอลเลียตแทน”
Eliyah แปลว่า “พระองค์ผู้ยิ่งใหญ่คือพระเจ้าของข้า” | Leroy/Le Roi แปลว่า “ราชา/แห่งราชันย์”
อายุ: 33 ปี
เพศ: ชาย
น้ำหนัก / ส่วนสูง: 185 cm / 80 kg
เมืองเกิด / เมืองที่มักอยู่ประจำ: โคเลดิต้า /เชวาเรีย
ตำแหน่ง: นาวาโท
ประสบการณ์การเดินเรือ (ปี) / การเป็นทหาร (ปี) :
ประสบการณ์การเดินเรือ (18ปี)
† 12ปี – เริ่มเดินเรือสินค้าครั้งแรกกับครอบครัว
† 15ปี – เริ่มเดินเรือเล็กในการฝึกฝนและปฏิบัติการ
† 17ปี – เดินเรือสินค้าจากโคเลดิตาไปยังเดสเควนท์
† 18ปีจนปัจจุบัน – เดินเรือรบราชนาวี
ประสบการณ์การเป็นทหาร
† 16(+2) (เข้าเป็นนักเรียนทหารตั้งแต่อายุ 15 ปี บรรจุเป็นนายทหารตอนอายุ 17 ปี)
ลักษณะนิสัย :
† เป็นคนมีอุดมการณ์ รักความถูกต้องยุติธรรม ตรงไปตรงมาแต่ไม่ถึงกับขวานผ่าซาก
† ซึ่อสัตย์จงรักภักดีต่อผู้บังคับบัญชาและผู้มีพระคุณ ดังเช่นตระกูลใหญ่ที่ได้ช่วยชีวิตตนในตอนที่เรือครอบครัวตนล่ม ต่อให้เป็นคนที่นิสัยแย่ขนาดไหนก็จะอดทนเพราะขึ้นชื่อว่าเคยช่วยตนเอาไว้ ความอดทนแปรผันตามบุญคุณว่ามากน้อยเพียงใด
† เคารพกฎเป็นที่หนึ่ง เจ้าระเบียบ เคร่งครัด ไม่ค่อยโอนอ่อนให้ใคร ถ้าต้องฝืนกฎหรืออนุโลมอะไรสักครั้งจะลำบากใจมากๆ
† รักเพื่อนพ้องและมีความเชื่อในในตัวคนสนิทของตนเองมากระดับหนึ่ง
† มีความเป็นสุภาพบุรุษ เคารพผู้อาวุโสกว่า และให้เกียรติสุภาพสตรีตามแบบฉบับผู้ดีเก่า
† จงเกลียดจงแค้นคนชั่ว อริและศัตรู โดยเฉพาะพวกโจรสลัด มักไม่เชื่อในคำแก้ตัวและมีอคติว่าถ้าหากเป็นคนดีจะไปเป็นโจรทำไมตั้งแต่แรกไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตาม คิดว่าขอทานยังมีค่ากว่าพวกโจร
† มีความอดทนในระดับหนึ่ง แต่ก็มีหลายครั้งที่ไม่มีความยืดหยุ่นทางอารมณ์พอ และมักแสดงท่าทีแข็งกร้าวใส่เมื่อคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ถูกต้อง เลยมักทำให้มีคนไม่พอใจในสิ่งที่ตนแสดงออก โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ต้องใช้การประณีประนอม
† ไม่ใช่พวกทำตัวเป็นผู้ดีตีนแดง งอมืองอเท้าทำอะไรไม่เป็น เพราะชีวิตหลังจากเหตุการณ์เรือล่มก็ไม่ต่างอะไรจากข้ารับใช้ทั่วไปในบ้านเศรษฐี
† ไม่ชอบอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทาง ในห้องตัวเองทุกอย่างเลยจัดไว้เป็นระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว
† ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ไม่อะไรทั้งนั้น เวลาว่างหมดไปกับการฝึกฝนตนและอ่านหนังสือหาวิชาความรู้ อ่านข่าวคราวความเป็นไปเกี่ยวกับบ้านเมือง เพื่อหน้าที่การงานของตนต่อๆไป
† ไม่ค่อยเข้าใจมุขตลก แต่ชอบทำกิริยาแข็งทื่อจนพาลให้คนอื่นขำแทน และส่วนมากมักไม่รู้ตัว(…)
† ทิฐิสูงมาก เป็นพวกยอมตายดีกว่ายอมเสียศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตน
† เนื้อแท้เป็นคนหยิ่งทะนง รักการเอาชนะ แต่ด้วยวุฒิภาวะและอะไรหลายๆอย่างจึงมักไม่แสดงออกชัดเจน
† เป็นพวกเก็บกดเพราะใช้ชีวิตกดดันตัวเองเป็นประจำ เวลาระเบิดอารมณ์เลยรุนแรงผิดกับตอนปกติ
† โกหกไม่เก่งจึงมักเลือกที่จะไม่พูดและไม่แสดงสีหน้าท่าทางมากกว่า แต่เรืองตีหน้าซื่อหรือทำไม่รู้ไม่ชี้นี่เก่งมาก
† ไม่สนใจในเรื่องความรักใดๆเพราะไม่เชื่อและไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรยุ่งเกี่ยว แถมยังมองว่าเป็นตัวนำพาปัญหาเข้ามาในชีวิตรบกวนการปฏิบัติหน้าที่
† เป็นพวกหัวเก่า บางครั้งวิธีการพูดเลยดูโบราณ มีความเชื่อเก่าๆหลายข้อที่ดูติดจะโบราณไปเพราะที่บ้านสอนมาแต่เด็กๆ เช่นความคิดที่ว่าสตรีอย่างไรเสียก็ไม่ทัดเทียมบุรุษและควรปฏิบัติหน้าที่ของตนหาใช่หน้าที่ของเพศตรงข้าม
† ไม่ใช่คนรู้จักประมาณตน มักทำอะไรสุดกำลังโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นหน้าที่ๆได้รับมอบหมาย บางครั้งก็เกินกว่าความสามารถจนตนเองและคนอื่นเดือดร้อน
† ก้าวร้าวและโมโหร้ายเมื่อเจออะไรที่รบกวนจิตใจถูกจุดและเกินพอดีในสภาวะไม่มีความยับยั้งชั่งใจ(เช่นขณะเมามายสุราเป็นต้น)
† จอมถกจอมเถียง ช่างประชดประชันค่อนขอด โดยเฉพาะถ้าเจอคนน่ารำคาญหรือโดนใครข่มเข้ามากๆก็อดจะหาทางเอาคืนไม่ได้ และจะรู้สึกสะใจมากถ้าตนเป็นผู้ชนะในการปะทะคารม
† รู้จักวางแผนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบสมัยวัยเยาว์ จากประสบการณ์และการสอนสั่งโดยคนใกล้ตัว ทำให้บางครั้งเมื่อเป็นเรื่องที่มีผลกับตนจริงๆก็เริ่มจะทำตามใจตัวเองเช่นกัน
† อย่างไรเสียพื้นเพก็เป็นลูกขุนนางจึงติดนิสัยช่างเหยียดมาเช่นกัน แต่ฉลาดพอที่จะแสดงออกเฉพาะเมื่อ “รู้สึก” อยากให้ผู้ถูกกระทำรับรู้เท่านั้นซึ่งมีน้อยมาก
† เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมเลียนแบบคนที่ตนเห็นว่าควรเอาเยี่ยงอย่าง มากเสียจนบางครั้งสูญเสียความเป็นตัวเองไปเป็นระยะๆ แต่มักจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีคนทัก หลังจากนั้นจะกลับไปเป็นตัวเองที่แข็งทื่อตามเดิมพักหนึ่ง
ประวัติตัวละคร :
[ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นโปรดตรวจสอบหน้า Relationship]
[ในส่วนที่เป็นสีน้ำเงินจะมีเพียงคนที่สนิทมากจนเจ้าตัวยอมเล่าเท่านั้นที่รู้]
เอไลจาห์เป็นชาวโคลเดียน เกิดในเมืองโคเลดิต้าและเป็นลูกชายคนรองของอดีตตระกูลขุนนางเก่าซึ่งค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องมารยาทและความเป็นสุภาพบุรุษ ปู่ของเอไลจาห์นั้นไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อของเขาที่เป็นคนติดจะสบายและเป็นกันเองผิดกับคนส่วนใหญ่ในตระกูล จึงคาดหวังกับเอไลจาห์ซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวมาก ทางบ้านเลยมุ่งให้เรียนรู้หลากหลายอย่างทั้งทักษะการต่อสู้และความรู้ด้านวิชาการ ซึ่งด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนมุ่งมั่นเมื่อโดนคาดหวังเลยทำให้มีความตั้งใจมากกว่าเก่า
เอไลจาห์ไม่เหมือนทายาทคนอื่นๆของตระกูลเลอรอย เขามีความสนใจในด้านการสงครามมากกว่าการบริหารธุรกิจ เป็นเด็กเที่ยงตรง รักความยุติธรรม มีความเพียรพยายามและความรับผิดชอบเป็นที่หนึ่ง ด้วยความที่มีปู่ที่ค่อนข้างหัวโบราณ เขาจึงโดนสอนเรื่องความผิดชอบชั่วดีอย่างค่อนข้างชัดเจนว่าอะไรขาวอะไรดำ ทำให้เกลียดพวกคนชั่วตั้งแต่เด็กๆโดยเฉพาะโจรสลัดที่ปู่ของเขาพร่ำบอกบรรยายความชั่วร้ายของโจรครั้งแล้วครั้งเล่าและตั้งมั่นว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นจะเข้าเป็นทหารที่ดีที่สุดและเป็นสุภาพบุรุษที่ดีเลิศให้คนในตระกูลภาคภูมิใจ แม้นั่นจะเหนือความคาดหมายของปู่เขาที่ต้องการให้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลไปอยู่ก็ตาม
เมื่ออายุได้ 12 ปีพ่อของเอไลจาห์ได้พาเขาออกไปเดินเรือด้วยเพื่อให้ศึกษาวิธีการ
ดำเนินการต่างๆเพื่อสืบทอดกิจการขนส่งของตระกูล แม่และพี่สาวของเขาจะขอติดตามไปด้วย แม้ตนจะยังเด็กก็ตามแต่ด้วยเพราะโดนสั่งสอนมาอย่างเคร่งครัดแม้เรื่องจารีต ก็เลยไม่ค่อยอยากให้ขึ้นมาบนเรือทั้งด้วยเรื่องความเชื่อว่าสตรีบนเรือจะนำพาโชคร้ายมาให้ ซ่อนความรู้สึกว่าที่จริงเจ้าตัวก็เป็นห่วงทั้งสองคนอยู่ลึกๆ อย่างไรก็ดีพ่อของเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมและยกเอาเรื่องความรักและความเป็นครอบครัวมาค้านกับเหตุผลของเอไลจาห์ ในที่สุดแม่และพี่สาวของเขาก็ได้ขึ้นไปด้วยเช่นกันบนความไม่สบายใจของผู้เป็นลูกชาย
และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เอไลจาห์ได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
คืนนั้น เรือสินค้าของบ้านเลอรอยโดนโจรสลัดกลุ่มหนึ่งปล้นสะดม พ่อของเขาโดนฆ่าตายพร้อมๆกับลูกเรือเกือบทั้งหมด มีบางส่วนที่หนีตายกระโดดลงทะเลไป พี่สาวของเอไลจาห์โดนโจรสลัดคนหนึ่งฉุดไป สร้อยอัญมณีประจำตระกูลของนางโดนกระชากทิ้ง แม่ของเขาก็เข้าไปช่วยแต่สุดท้ายก็โชคร้ายโดนฆ่าตายอีกคน ในตอนท้ายเอไลจาห์ที่สะบักสะบอมจากการโดนรุมทำร้ายตัดสินใจเกาะถังไม้แล้วถีบตัวเองลงทะเลไปท่ามกลางเรือที่ลุกท่วมไฟ เขาลอยคออยู่พักหนึ่งโดยรู้ตัวว่าอาจจะเป็นเหยื่อฉลามเมื่อไหร่ก็ได้ จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าเกาะที่พึ่งสุดท้ายไม่ค่อยอยู่อีกต่อไป
ในขณะที่กำลังจะจมลงสู่ทะเลลึก ร่างของเขาได้คนจากเรือประมงเล็กช่วยไว้จึงรอดชีวิตมาได้ เอไลจาห์ไม่ได้กลับบ้านแต่กลับโดนพาไปที่ท่าเรือเมืองเชวาเรียซึ่งเป็นสถานที่ๆเรือประมงนั้นประจำอยู่ เขาได้พบกับนายใหญ่ของชาวประมงเหล่านั้นในเวลาที่เข้าตรวจสินค้าพอดี เพราะถูกใจลักษณะนิสัยซื่อตรงและเห็นว่าแม้ยังเด็กแต่มีหน่วยก้านดีน่าจะนำไปฝึกต่อได้จึงได้รับการอุปถัมป์ไว้เป็นคนรับใช้แต่ในนาม(ด้วยเหตุผลทางการเมือง) หากแต่มีสถานะไม่ต่างจากลูกบุญธรรม
หลังจากเหตุการณ์เรือล่มยิ่งทำให้ความเกลียดแค้นต่อพวกโจรสลัดทวีคูณกว่าเดิมที่มี เอไลจาห์ตั้งใจเล่าเรียนและฝึกวิชาจากราชครูที่ตนมีโอกาสได้เรียนเพราะผู้มีพระคุณ ไม่นานหลังจากอายุย่างเข้าวัย 15 ปี ได้ผันตนเข้าสู่การเป็นนักเรียนทหารด้วยหวังจะเข้าร่วมกองทัพ และหลังจากสำเร็จการเล่าเรียนแล้วเขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพราชนาวีตามที่ตั้งใจไว้แต่เด็กโดยไร้ซึ่งความลังเล
ในตอนแรกเอไลจาห์เข้าร่วมกองทัพด้วยชื่อที่แตกต่างออกไป คือเอลเลียต แบร์โรว์ ซึ่งเป็นชื่อที่บิดาบุญธรรมตั้งให้ตน (กลายเป็นชื่อปลอมที่ชอบใช้ในเวลาต่อมา) จนกระทั่งโดนสืบทราบในตอนที่มีปากเสียงกับขุนนางเลวคนหนึ่ง จึงโดนวางอุบายให้ออกลงเรือจากโคเลดิตาไปยังเดสเควนท์ร่วมกับนายทหารรุ่นพี่อีกสองคน [รายละเอียดที่หน้า Relationship] หลังจากนั้นแม้ตระกูลเลอรอยจะทราบว่าทายาทคนสุดท้ายไม่ได้ตายจากไปอย่างที่ร่ำลือ เขาก็ไม่ได้หวนกลับไปเพื่อสืบทอดกิจการของตระกูล หากแต่คงไว้ซึ่งความตั้งมั่นในราชนาวี
เมื่ออายุย่างเข้าวัย20ปี บิดาบุญธรรมของเขาก็ได้เสียชีวิตลงจากการลอบฆาตกรรมโดยขุนนางเลวหลายฝ่าย เนื่องด้วยพฤติกรรมขัดแข้งขัดขาของตัวนายท่านตระกูลแบร์โรว์ที่หวังจะช่วยเหลือผู้ยากไร้ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งจนทำให้เขาเสียศูนย์ไปพักใหญ่
หลังจากโศกอนาตกรรมครั้งนั้น เขาตัดสินใจที่จะเก็บทุกสิ่งเท่าที่เขาจะเก็บเกี่ยวได้ เปลี่ยนความเสียใจเป็นความมุ่งมั่งฝึกตนให้ดีพร้อมในทุกๆด้านจนในที่สุดก็มองข้ามความรู้สึกของตัวเองไปจนแทบทั้งสิ้น เขาตัดสินใจรับภารกิจที่ไม่ต้องอยู่ประจำที่เชวาเรียตั้งแต่อายุได้ 23 ปี ด้วยไม่ต้องการที่จะรำลึกถึงผู้มีพระคุณของเขา ก่อนจะกลับมาประจำการอีกครั้งเมื่อได้เลื่อนยศเป็นนาวาโท
ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวและสิ่งที่ได้รับการสั่งสอนมาจากทั้งอาจารย์และรุ่นพี่ของเขา เอไลจาห์จึงเรียนรู้ถึงการที่จะใช้คำพูดสวยหรู อุดมการณ์และความยุติธรรมบังหน้าให้ตนดูดีในสายตาคนอื่น เขาตั้งสัตย์สาบานว่าจะรับใช้ราชวงศ์และอุทิศตนให้แก่ราชนาวีเพื่อกำจัดคนชั่วให้หมดไป กลบความเคียดแค้นที่สุมอยู่ในใจไม่ให้แสดงออกมา เพื่อที่จะได้เป็นที่รักใคร่ชอบพอของจากทั้งประชาชน เพื่อนพ้อง และบรรดาผู้ใหญ่ในราชนาวี บรรดาบุคคลผู้จะนำพาเขาไปสู่สิ่งที่เขาเฝ้าฝันจะได้เห็น
โลกไร้ซึ่งโจรชั่วช้าที่เคยทำลายชีวิตของเขาไป
อาวุธ / ความสามารถในการต่อสู้ (ถ้ามี) :
อาวุธที่ใช้
† มีวาทศิลป์เป็นอาวุธ สุนทรพจน์ คำพูดปลุกใจ เป็นสิ่งที่เขาถนัด
† ใช้อาวุธเป็นทุกประเภท ดาบ, ปืนยาว, ปืนสั้น, มีด, ความชำนาญแตกต่างไล่เรียงลำดับกันแต่มีพื้นฐานทั้งหมด
† อาวุธที่ถนัดที่สุดคือดาบ Rapier ซึ่งฝึกฝนมาตั้งแต่สมัยเด็ก สามารถใช้ดาบได้ทั้ง 2 มือแต่ถนัดข้างขวามากกว่า
† มีทักษะการสู้แบบประชิดและรู้จักการต่อสู้กับคู่กรณีที่ตัวใหญ่กว่าด้วยการใช้แรงอีกฝ่ายโจมตีอีกฝ่ายเอง (เวลาเจอชาวดันเตเลียนที่ตัวใหญ่กว่ามากๆ)
† ขี่ม้าได้คล่องแคล่ว สามารถขี่ม้ายิงปืนได้ดี
† เป็นคนที่ช่างสังเกต มีไหวพริบในการต่อสู้เป็นอย่างดี มักวิเคราะห์ศัตรูไปด้วยยามต่อสู้และเลือกที่จะเล็งจุดอ่อนเพื่อจับกุมมากกว่าสังหาร แม้แท้จริงจะโปรดปรานอย่างหลังมากกว่า
† มีทักษะในการวางแผนการรบระดับหนึ่ง เพราะเป็นคนสนใจเรื่องพิชัยสงครามมากกว่าการบริหารธุรกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
† โดยปกติมักจะวางแผนการก่อนการต่อสู้เสมอโดยเฉพาะเมื่อไปกับเพื่อนร่วมกองทัพ ยกเว้นจวนตัวจริงๆถึงจะต้องพึ่งสัญชาติญาณ
† มักพกปืนสั้น Flintlock อันหนึ่งไว้กับตัวตลอดเพราะเป็นของขวัญที่พ่อเคยให้ไว้เมื่อตอนอายุครบ 10 ปีแต่ไม่ได้ใช้งานมันสักเท่าไหร่