Relationship

-BLUE NAVY-

[PS. ในหน้านี้จะเป็นความสัมพันธ์ของเอไลจาห์กับอีกฝ่ายในมุมมองของเอไลจาห์เอง ซึ่งอาจเหมือนหรือไม่เหมือนอีกฝ่ายก็ได้]
[C.N.C. C. Carlo]
“เพื่อราชนาวี เพื่อราชวงศ์ ….เพื่อพระองค์  /เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาชื่นชม” – E. [to C.]
เอไลจาห์นับถือผบ.ทร.สูงสุดประหนึ่งอาจารย์และพี่ชายของเขา หลังจากวัยเด็กผ่านพ้นไปเขาก็ไม่ค่อยได้พบเจอเท่าไรนัก อย่างไรก็แล้วแต่เมื่อได้เข้าฝึกฝนด้วยกันก็ทำให้มีความสนิทชิดเชื้อมากขึ้นตามลำดับและเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขารักประหนึ่งคนในครอบครัวแท้ๆที่เขาอุทิศได้แม้ชีวิต หากเพียงอาจเป็นเพียงความรู้สึกของเขาฝ่ายเดียว มีหลายเรื่องเกี่ยวกับทางการทหารเขาได้เรียนรู้จากเขาคนนี้
[พบกับผู้บัญชาการสูงสุดคริสเตน -ยังไม่สมบูรณ์-]
เอไลจาห์ได้พบกับผู้บัญชาการสูงสุดคริสเตนในคราแรกเมื่อเขายังเด็กมากครั้งการรวมตัวพบปะสังสรรค์ของบรรดาขุนนางตระกูลใหญ่ พี่สาวของเขาเอลิซาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของคริสเตนและพอสนิทชิดเชื้อในระดับหนึ่ง เอไลจาห์ที่เด็กกว่าทั้งสองจึงมักได้พบปะพูดคุยกับทั้งคริสเตนและน้องสาวของเขา จนกระทั่งเหตุการณ์เรือตระกูลเลอรอยโดนปล้นสะดมภ์ทำให้เขาพลัดพรากจากแผ่นดินโคเลดิตาและไม่ได้ติดต่อกันอีก
เวลาผ่านไปหลายปี เอไลจาห์ได้มาพบกับคริสเตนอีกครั้งขณะที่เขายังเป็นเพียงเรือเอก ในการเดินเรือฝ่าน่านน้ำจากโคเลดิตาลงไปยังเดสเควนท์ โดยมีตัวเขาเอง อาร์เธนและคริสเตนไปด้วยกัน ทั้งสามโดนส่งลงเรือลำนี้มาด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันหากแต่เป้าหมายเดียวคือการส่งให้ไปตายกลางทะเล อย่างไรก็ตามการเดินเรือที่ยาวนานและลำบากแสนสาหัสนั้นก็จบลงโดยที่ทั้งสามรอดชีวิตปลอดภัยยังท่าเรือเมืองเดสเควนท์เหมือนปาฏิหาริย์ และถือเป็นการสำเร็จภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ทำให้เป็นที่โจษจัณฑ์และนับเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งทีเดียว
หลังจากการเดินเรือครั้งนั้น เอไลจาห์ก็ได้รับการฝึกสอนโดยตรงจากนาวาโทคริสเตน และกลายเป็นคนสนิทคนหนึ่งจนกระทั่งปัจจุบัน

 

[CAPT. A. R. Rosales]
“จะมีสักเรื่องไหมที่ข้าจะทำให้ท่านประหลาดใจได้?” – E. [to A.]
คู่สนทนาโต้วาทะ ถกเถียงในหลายๆเรื่องตั้งแต่เล็กน้อยไม่มีสาระไปจนถึงเรื่องใหญ่โตเช่นพิชัยสงคราม ด้วยทัศนคติที่แตกต่างกันทำให้เขากับนวอ.ไม่ค่อยมีบทสนทนาที่ราบรื่นปราศจากการแขวะอีกฝ่ายกันและกัน แม้จะอายุแตกต่างกันมากก็ตาม หากแต่เขาไม่เคยลืมบุญคุณที่ได้รับการช่วยเหลือในสมัยที่เป็นนักเรียนทหาร เป็นอีกคนหนึ่งที่เขารักยิ่งและพร้อมจะทำสิ่งใดก็ตามได้แม้หมายมั่นถึงชีวิต
[พบกับนาวาเอกอาร์เธน-ยังไม่สมบูรณ์-] 
เอไลจาห์ในวัย 15 ปีเป็นนักเรียนทหารที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง เขาฝึกตนอย่างเคร่งครัดดังเคยและไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง มีความซื่อตรงอย่างชัดเจนและรักษากฏเป็นที่หนึ่ง นั่นทำให้มีนักเรียนทหารในรุ่นราวคราวเดียวกันหรือกระทั่งรุ่นพี่ไม่ชอบหน้าเขา แต่เขาก็ยังคงยึดมั่นในหลักการของความยุติธรรมและความดีงามของตนเองโดยไม่สนใจคำวิพากย์หรือความเห็นใดๆจากคนรอบตัว
จนกระทั่งวันหนึ่งมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง
มีนักเรียนทหารคนหนึ่งที่มักขาดเวรเป็นประจำ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาไปมากกว่าซุบซิบนินทาว่ากล่าวเนื่องด้วยเขาคนนั้นเป็นลูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่และมีอิทธิพลพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่เอไลจาห์ เขาไม่ลังเลที่จะรายงานพฤติกรรมนี้แก่ผู้คุมกองของเขา เมื่อรับเรื่องแล้วจึงได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลับกลายเป็นว่าเพื่อนๆคนอื่นต่างพากันปฏิเสธและใส่ร้ายเอไลจาห์ว่าเพียงอยากได้ยศจึงหาทางยกตัวเองขึ้นด้วยการรายงานความเท็จ เอไลจาห์ที่ไม่มีหลักฐานใดๆเนื่องด้วยคิดแต่จะรายงานความผิดพลาดไม่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวจึงจำต้องก้มหน้ารับโทษแม้ไม่ได้มีความผิดอะไร
ด้วยความที่เอไลจาห์เป็นคนขึ้นชื่อเรื่องสัจจะทำให้อาร์เธน นายทหารรุ่นพี่คนหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งยศสูงกว่าในตอนนั้นเกิดความเคลือบแคลงใจในกรณีการลงโทษของเอไลจาห์ อาร์เธนจึงได้แทรกแซงการสืบสวนและวางอุบายแจ้งความเท็จแก่บรรดานักเรียนทหารที่เฝ้าเวรว่ามีการผลัดเปลี่ยนเวรในเวลาเช้าแทน ซึ่งจะแจ้งความได้ก็ต่อเมื่อตัวนักเรียนที่ทำการผลัดเวรมาแจ้งด้วยตัวเองเท่านั้น นักเรียนทหารชั้นเลวคู่กรณีซึ่งไม่ได้เข้าเวรจริงจึงไม่รู้เรื่องราวและหายไปจากแถวในตอนเช้านั้น มันกลายเป็นหลักฐานชั้นดีในการชี้ตัวคนผิด หลังจากนั้นอาร์เธนจึงเรียกตัวมาสอบสวนตั้งแต่ตัวนักเรียนทหารและเพื่อนๆที่ให้ความเท็จ ทำให้เอไลจาห์พ้นโทษและเป็นการล้างประวัติเสียของเขาทั้งหมด
เอไลจาห์นั้นเดิมทีมักมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับทัศนคติทางการทหารกับอาร์เธนและมีปากเสียงกันบ่อยๆ ทำให้เขาไม่ค่อยจะชอบนายทหารรุ่นพี่คนนี้สักเท่าไหร่ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทำให้มุมมองที่เขามีต่ออาร์เธนเปลี่ยนไปจากเดิมแม้ไม่ทั้งหมด เขาเป็นหนี้บุญคุณและจำต้องทดแทนไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง นั่นทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นและใช้เวลาร่วมกันมากกว่าเก่า ไม่นานเอไลจาห์ได้ร่วมออกรบเดินเรือในฐานะสมาชิกในกลุ่มทหารของอาร์เธนและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เรื่อยมา จนกระทั่งเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนาวาโทจึงต้องแยกกันไปกับอาร์เธนที่เป็นนาวาเอก โดยตนประจำอยู่ที่เชวาเรียขณะที่อีกฝ่ายอยู่มาอินยาร์ด

 

**[เหตุการณ์ร่วม การเดินทางสู่เดสเควนท์ | ความสัมพันธ์ระหว่างนาวาโทเอไลจาห์ นาวาเอกอาร์เธนและผู้บัญชาการสูงสุดคริสเตน]**
-coming soon-

 

[2 CPO. E. Chamberlain ]
“เจ้าก็ช่างกวน ข้าล่ะสมน้ำหน้าจริง /พูดว่าแต่ปากยกยิ้ม” – E. [to E.]
 เพื่อนสนิทที่สุดของเอไลจาห์ตั้งแต่สมัยร่วมชีวิตนักเรียนทหาร เขาเข้ามาพร้อมๆกับอีกฝ่ายแต่สังกัดในหน่วยที่แตกต่างกัน มีโอกาสได้พบปะอยู่หลายครั้งจึงทำให้มีความสนิทชิดเชื้อมากกว่านายทหารทั่วไปในระดับหนึ่งขนาดที่ยอมให้อีกฝ่ายเรียกชื่อต้นและกระทำการมิสมควรได้หากอยู่นอกเวลางาน(…) เป็นคนเดียวที่เอไลจาห์มักยอมลงให้เวลามีปัญหาอะไร และเป็นคนที่ตนมักจะเข้าไปหาเป็นคนแรกๆเพื่อปรึกษาปัญหาหรือชวนอีกฝ่ายมาปรับทุกข์ที่บ้าน มักจับผมอีกฝ่ายยีไปมายามหมั่นไส้แม้จะตัวเตี้ยกว่าก็ตาม
[Lt. L.I.Roxana]
“เสียใจด้วยรอคซาน ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น” – E. [to L.]
นายทหารร่วมรุ่นอีกคนหนึ่ง มักเป็นขาลุยด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนร่วมกับยูจีน เรียกได้ว่าค่อนข้างตัวติดกันมากระดับหนึ่ง หลังจากที่อีกฝ่ายแยกตัวออกไปในสามปีสุดท้ายก่อนกลับมาราชการทำให้ไม่ค่อยได้พบกันเท่าไรนัก
 [พบกับพันจ่าโทยูจีนและเรือเอกเลโอนา-ยังไม่สมบูรณ์-]
ทั้งสองเป็นเพื่อนที่เอไลจาห์สนิทใจที่จะอยู่ด้วยที่สุดในบรรดานายทหารด้วยกันเนื่องจากเป็นทหารร่วมรุ่นตั้งแต่สมัยนักเรียน ทั้งสามก่อวีรกรรมหลากหลายอย่าง(ทั้งดีและไม่ดี)ไว้มากมาย ฝ่าฟันหลากหลายสิ่งมาด้วยกัน เอไลจาห์มองทั้งสองเหมือนเป็นพี่ชายน้องชายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
วีรกรรมที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นการลอบเข้าปราบปรามโจรสลัดที่อิยาซเซอร์โดยการปลอมตัวเข้าไปแฝงในกลุ่มโจรสลัดหนึ่งในฐานะลูกเรือ ร่วมมือกับทางการจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด

 

 [Lt. F. K. Victor]
“เพราะข้าเป็นเพียงชาวบ้านที่อ่อนต่อโลกภายนอก และมองโลกในแง่ดีมากเกินไปสักหน่อยละกระมัง?” – E. [to F.]
เอไลจาห์ได้พบกับนายทหารรุ่นน้องมาก่อนเป็นบางครั้ง แต่ด้วยยศที่แตกต่างกันทำให้ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยโดยตรงจนกระทั่งเหตุการณ์ที่ต้องไปทำภารกิจสืบหาข่าวที่ริเบอร์โรพอร์ต ในตอนนั้นเขาได้ร่วมงานกับเฟนและมีปัญหาในการสื่อสารสักเล็กน้อยช่วงแรกๆ แต่หลังจากใช้เวลาด้วยกันไปสักพักก็สนิทสนมขึ้น การปฏิบัติงานในครั้งนั้นทำให้เขาไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเฟนมากพอสมควร และเป็นอีกหนึ่งนายทหารที่เขานึกถึงเป็นคนแรกๆหากกล่าวถึงนายทหารที่มีประสิทธิภาพ
[พบกับเรือเอกเฟน -ยังไม่สมบูรณ์-]
เมื่อเทียบท่าที่เมืองริเบอร์โร่เอไลจาห์ที่อยู่ในสภาพปลอมตัวเป็นลูกเรือโจรลำหนึ่งก็ได้เข้าไปหาเฟนตามที่ได้นัดหมายภารกิจกันไว้ ก่อนจะดำเนินการสืบสวนข่าวคราวการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกองโจร เฟนที่ชำนาญเส้นทางในริเบอร์โร่มากกว่าเอไลจาห์มากมักเป้นผู้ที่คอยนำทางและสอนทางหนีทีไล่ให้ แม้จะเป็นผู้น้อยกว่าแต่เอไลจาห์ก็นับถือในความสามารถของเฟนและปฏิบัติตาม เมื่อเรือลำหนึ่งที่แฝงตัวเข้าไปกำลังจะออกจากท่า เขาก็ส่งข้อมูลไปยังเรือราชนาวีที่ตั้งทัพล้อมหลบรออยู่ ณ จุดนัดพบ ซึ่งห่างจากริเบอร์โร่ไม่มากนัก เมื่อสบโอกาสจึงเข้าจับกุมเรือโจรและเกิดการต่อสู้ ในจังหวะนั้นทั้งสองคนก็ได้หนีออกมาจากเรือโจรและสามารถปราบปรามได้เป็นผลสำเร็จ
หลังจากนั้นเอไลจาห์จึงถือว่าเฟนเป็นสหายที่ไว้ใจได้มากคนหนึ่ง ด้วยระยะเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันในริเบอร์โรพอร์ตระหว่างปฏิบัติงาน

 

 

[Lt. D. Ranov]
-coming soon-

 

[1 CPO. V. Jorden]
-coming soon-

-PIRATES-

[Derya Jamal]
“ที่นี่ไม่ใช่สวนหลังบ้านของเจ้า เดรญ่า” – E. [to D.]
เอไลจาห์ได้พบกับเดรย่าครั้งแรกเมื่อตอนที่กลุ่มโจรสลัด Doomed Dawn บุกปล้นเรือสินค้าตระกูลเลอรอยที่ตนเดินทางไปกับครอบครัว เหตุการณ์นั้นทำให้เอไลจาห์เกือบเอาชีวิตไม่รอด กำพร้าพ่อแม่ พี่สาวแท้ๆของเขาโดนฉุดคร่าและแม้แต่ปู่แท้ๆก็คิดว่าเขาหายสาปสูญไปร่วมสิบปี เอไลจาห์นั้นโกรธแค้นเดรญ่ามากถึงขั้นสาบานตนว่าจะเป็นผู้บั่นหัวโจรสลัดชั่วคนนี้ด้วยตัวเขาเอง ดังนั้นหลายครั้งเขาจึงกระทำการโดยวู่วามเพราะความแค้นในใจ แม้ตอนนี้จะผ่านประสบการณ์และเรียนรู้การวางตัวมากกว่าแต่ก่อนมากแต่ความแค้นก็ยังไม่ได้หายไป
[พบกัปตันเรือโจรสลัดDoomed Dawn เดรญ่า]
เอไลจาห์ที่ยังเด็กพยายามถือดาบเข้าต่อสู้ ด้วยฝีมือของเขาสามารถกำจัดโจรสลัดระดับล่างไปได้คนสองคนแต่สุดท้ายก็โดนโจรคนอื่นจับเอาไว้ เขาได้พบกับหัวหน้าโจรสลัดที่ปล้นสะดมเรือของเขาชายหนุ่มผิวสีแทนผมสีทองสว่างลงมาดูสถานการณ์หลังจากเพิ่งฆ่าพ่อของเขาไป จะด้วยความโชคดีหรืออะไรก็ตามแต่ ชายคนนั้นไม่ได้ฆ่าเขาในดาบเดียวแต่กลับโดนทำร้ายอย่างหนักฐานทำให้เสียเวลาและเพื่อความสะใจ แม้จะกัดฟันทนแต่สุดท้ายร่างกายเด็กชายก็ทนเรี่ยวแรงทุบตีจากชายหนุ่มไม่ไหว ในตอนที่สติเลือนลางเขาได้ยินเพียงแค่คำกล่าวของหัวหน้าโจรว่าให้ทิ้งเขาไว้ให้ทรมาณพิษบาดแผลจนตายกลางทะเลไปเอง โจรสลัดกลุ่มนั้นหนีไปพร้อมกับพี่สาวของเขา ส่วนเรือของบ้านก็โดนเผาทิ้งไปพร้อมๆกับศพของพ่อและแม่ ตัวเขาเองใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาร่างบอบช้ำของตนคว้าเอาสร้อยคอประจำตระกูลของพี่สาวก่อนเกาะถังไม้แล้วถีบตัวเองตกลงทะเลไป
เขาได้พบกับเดรญ่าอีกครั้ง ณ เหตุการณ์ลานประหารที่เชวาเรีย ในตอนนั้นเขาเลือกที่จะติดตามจับกุมเดรญ่า แต่ด้วยความที่อ่อนประสบการณ์ในการต่อสู้มากกว่าอีกฝ่ายอยู่มากจึงทำให้ปฏิบัติการล้มเหลว และยิ่งสุมไฟแค้นในใจมากกว่าเดิม

 

[Luka Morini]
“ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านจีโน่” – E. [to. L.]
เอไลจาห์จำหน้าอีกฝ่ายได้จากการพบเจอครั้งแรกที่เหตุการณ์ลานประหาร ในตอนนั้นเขาปล่อยให้ลูก้าหนีไปได้เพราะตนต้องการจับเดรญ่าให้ได้เสียก่อน ภายหลังทราบว่าขึ้นใบประกาศเป็นโจรสลัดที่มีค่าหัวมากที่สุดในย่านฟินเชอร์รี่จึงนึกเสียดายไม่น้อย แต่ยอมรับว่าตอนนั้นตนคงไม่สามารถตามทั้งคู่ได้จริงๆ คิดว่าหากได้พบเจอสักครั้งคงต้อง “ทำความรู้จัก” ให้มากกว่าเดิมฐานที่ตนเคยเสียมารยาทในสมัยก่อน
[พบกัปตันเรือโจรสลัด Blue Viper ลูก้า]
ในตอนที่ได้พบกันนั้นลูก้ายังเป็นเพียงโจรสลัดไร้ชื่อ ซึ่งโดยหน้าที่เมื่อพบเห็นก็ควรที่จะจับกุมแต่ด้วยความที่ไล่ตามเดรญ่าอยู่จึงจำต้องเลือกตามอีกฝ่ายไปแทน ทั้งสองได้มาพบกันอีกครั้งในเมืองเชวาเรีย ซึ่งได้ทำตัวเหมือนไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนและคุยกันในแบบประชาชน
 [Erskine Gardy]
-coming soon-
[Jiu Chen]
-coming soon-